3 องค์กรยักษ์ใหญ่เพื่อเด็กและการศึกษา ร่วมกันมอบเทคนิคการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากประเทศญี่ปุ่น….
1 กันยายน 2559, บริษัท ดิ อาซาฮี ชิมบุน, บริษัท ฮาขุโฮโด และบริษัท อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดเสวนา “เด็กฉลาดห้องเรียนศตวรรษที่ 21” เทคนิคการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมทั้งเปิดตัวนิตยสารแจกฟรีที่ชื่อว่า “มิกเกะ!” สื่อการเรียนรู้รูปแบบใหม่สำหรับเด็กที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาความรู้ที่น่าตื่นเต้น และชวนอัศจรรย์ใจ คำว่า “มิกเกะ!” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “เจอแล้ว” นิตยสาร “มิกเกะ!” จึงเป็นการนำเสนอความรู้ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ กิจกรรมหลากหลายสนุกๆ ในแบบที่เด็กจะต้องร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ค้นพบความรู้ใหม่ๆ ว่า “เจอแล้ว” นั่นเอง
ภายในงาน ได้รับเกียรติจากอาจารย์ศกุนตลา สุขสมัย รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานในพิธีกล่าวต้อนรับ โดยกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คนญี่ปุ่นเห็นความสำคัญของการศึกษาของประเทศไทย ซึ่ง “มิกเกะ!” ก็จะเป็นนิตยสารที่มีประโยชน์ต่อเด็กประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4 – ป.6) เพราะภายในเล่มก็จะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับ STEM Education แนวทางการจัดการศึกษาที่บูรณาการความรู้ใน 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ซึ่งถ้าเด็กได้รู้จักกับกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดจากการเรียนรู้ที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งนี้ อาจารย์ศกุนตลา สุขสมัยได้กล่าวขอบคุณ บริษัท ดิ อาซาฮี ชิมบุน, บริษัท ฮาขุโฮโด และบริษัท อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น และขอบคุณอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ที่สนับสนุนในด้านสถานที่
และได้รับเกียรติจาก ดร.เชาว์ เต็มรัก Executive Director ของ Yanagawa Junior High School เป็นวิทยากรในหัวข้อ “ความแตกต่างระหว่างการเรียนในโรงเรียนญี่ปุ่น-ไทย” ซึ่งได้มาบอกเล่าถึงความแตกต่างของการเรียนของประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยจากประสบการณ์การศึกษาในทั้ง 2 ประเทศ และนำมาปรับใช้กับโรงเรียนมัธยมยานากาวาประจำประเทศไทย
ดร.เชาว์ เต็มรักษ์ – ในระยะ 10 ปี ผมได้ส่งเด็กไปเรียนที่ญี่ปุ่นประมาณ 400 คน เพราะอยากให้เด็กมีโอกาสที่ดี อยากให้เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่สามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเองได้
และในการเสวนาหัวข้อ “อาชีพในฝันของหนู” ได้รับเกียรติจากพันเอกวันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด) และคุณอาย ศรสวรรค์ พันธุมะบำรุง ที่ได้มาบอกเล่าที่มาของอาชีพในปัจจุบันของทั้ง 2 ท่าน ว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการรับราชการทหาร และการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติ
พันเอกวันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด) – ตอนเด็กๆ อยากเป็นสถาปนิก ออกแบบ เขียนแบบครับ แต่ครอบครัวเป็นทหาร ความรู้สึกที่เริ่มอยากเป็นทหารเหล่านี้ เริ่มเข้ามาตอนช่วงเรียนมัธยม ช่วงม.2-ม.3 แล้วโรงเรียนเตรียมทหารในสมัยก่อน เค้าจะรับตั้งแต่ม.4 เพื่อเข้าไปสู่โรงเรียนเตรียมทหาร 2 ปี และเป็นนักเรียนนายร้อยอีก 5 ปี ผมก็ไปสอบตามที่คุณพ่ออยากให้ไป ก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารม.4 แต่ก็ไม่ติด พอม.5 ก็สอบใหม่ สอบด้วยความรู้สึกที่ว่า ทำไมปีที่แล้วไม่ติด แล้วก็ติดโรงเรียนเตรียมทหารตอนม.5 ตอนเรียนนายร้อยก็ยังไม่ได้ชอบอาชีพทหาร เฉยๆ แต่เรียนได้ เพราะอยู่ในระเบียบวินัยและออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก เริ่มชอบอาชีพทหารจริงๆ ตอนจบปริญญาตรี ซึ่งจริงๆ แล้วถือว่าช้า แต่แรงบันดาลใจที่สำคัญที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นคือคุณพ่อ ซึ่งตอนที่ผมจบโรงเรียนนายร้อย แล้วผมเลือกรับราชการ คือทหารมันมีหลายเหล่า ผมจึงรับราชการครั้งแรกในหน่วยทหารม้า เพราะคุณพ่อเป็นทหารม้า และอีกท่านคือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ท่านก็เป็นทหารม้า ผมก็ยึด 2 ท่านนี้เป็นแบบอย่าง
ปัจจุบัน ผมรู้สึกว่าชีวิตการเป็นทหารค่อนข้างจะเหมาะกับตัวเอง เพราะว่ามันเป็นชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง ซึ่งเป็นความเคยชินของผมที่พ่อเป็นทหาร และแม่เป็นแม่บ้าน และอยากทำประโยชน์ให้กองทัพ ให้หน่วยเหมือนกับพ่อผมที่เป็นทหาร
คุณอาย ศรสวรรค์ พันธุมะบำรุง – ย้อนกลับไปตอนเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ตอนนั้นอยู่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ และคุณพ่อคุณแม่ก็พาอายไปเรียนที่โรงเรียนนี้ พี่สาว 2 คนก็ไปว่ายน้ำ แล้วเราก็ไปเรียนด้วย แล้วจุดนัดพบของครับครัวก็คือสระว่ายน้ำ เราก็จะเห็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ มีธงไตรรงค์ ใส่เสื้อวอร์ม อยู่ในบรรยากาศแบบนั้น เราก็เลยอยากจะเป็นทีมชาติแบบเค้าบ้าง คุณแม่ก็เลยให้ไปฝึก ไหนๆ ก็มานัดเจอกันที่สระว่ายน้ำอยู่แล้ว ก็เลยไปเรียนว่ายน้ำช่วงซัมเมอร์ เรียนกับพี่สาว พอพี่สาวเริ่มเข้าวัยรุ่นก็เลิกว่าย แต่เรายังสนุกต่อ มีเพื่อน แล้วโค้ชก็เห็นว่าหน่วยก้านดี มีแววมาก ก็ให้มาเป็นนักกีฬาของสโมสร ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องนะ แต่แม่ก็โอเค อยากเป็นก็เป็น ไหนๆ ก็ต้องมานัดเจอที่นี่อยู่แล้ว ก็เริ่มว่ายตั้งแต่ 4 ขวบ พอ 5 ขวบก็เริ่มแข่งขันกีฬาภายใน แล้วก็แวดล้อมด้วยนักกีฬาทีมชาติ พออายุ 6 ขวบก็แข่งแล้วได้จากเหรียญทองแดง
ด้วยความสนุก บรรยากาศมันพาไป อยากเป็นทีมชาติ อยากยืนหน้าเสาธง และได้เรียนฟรีด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเอื้ออำนวยทำให้เราอยากเป็นทีมชาติ ก็ไปแข่งด้วยความสนุกสนาน ได้โอกาสของชีวิต ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ได้ไปเที่ยวเมืองนอก แล้วก็มีเกียรติ พออายุ 14 ขวบเป็นนักกีฬาทีมชาติ ก็ได้ยืนหน้าเสาธง มีเสื้อวอร์มเป็นของตัวเอง มีธงไตรรงค์ ข้างหลังเสื้อปัก “THAILAND” มีความสุขมากๆ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำค่ะ
“มิกเกะ!” จะกระตุ้นความใฝ่รู้ ความคิดสร้างสรรค์ ก้าวทันโลกให้เด็กๆ ด้วยเนื้อหาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภาษา ฯลฯ ครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้จะถูกหยิบยกขึ้นมาปรุงให้สนุกสำหรับเด็กประถม พร้อมทั้งมีสื่อการเรียนการสอนที่เป็นประโยชน์
นิตยสาร “มิกเกะ” ฉบับปฐมฤกษ์จะถูกจัดส่งถึงมือเด็กๆในโรงเรียนที่สมัครสมาชิก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ในเดือนกันยายน 2559 เด็กๆจะได้ทำความรู้จักกับมิกเกะและผองเพื่อนและหมู่บ้านของพวกเขา สนุกสนานกับกิจกรรม Robot Programming ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และเรียนรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมผ่านชีวิตของโลมา สัตว์โลกสุดน่ารัก และนอกจากนี้ สมาชิกจะได้รับนิตยสารมิกเกะ ฟรีทุก 2 เดือน ตลอด 1 ปี ยังมีสิทธิ์ได้รับเทคนิคความรู้โดยทีมงานนิตยสารมิกเกะจากประเทศญี่ปุ่นถึงที่โรงเรียนอีกด้วย
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/mikke.thailand