Nico labo magazine กับคอลัมน์ Mothers Interview ครั้งนี้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณแม่คนสวย กับการทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พลอย ชิดจันทร์ รุจิพรรณ ที่ได้มาเล่าถึงเรื่องราวประสบการณ์การเลี้ยงลูกวัยน่ารักและกำลังซนทั้ง 4 คน
Q : เล่าถึงผลงานบันเทิงในอดีตที่ผ่านมา
คุณแม่พลอย : เริ่มเลยเข้าประกวดเวทีดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลค่ะ ก็คือเป็นดัชชี่เกิร์ลก่อน แล้วก็มีงานโฆษณาอะไรเข้ามา ตามด้วยงานละครกับทางช่อง 3 ซึ่งก็มีหลายเรื่องเหมือนกัน แล้วก็มีงานภาพยนตร์ค่ะ
Q : รู้จักกับคุณเคนได้อย่างไร
คุณแม่พลอย : คุณเคนมาทำธุรกิจที่เมืองไทยค่ะ ก็เลยได้รู้จักกัน คือพลอยเป็นคนเชียงใหม่นะคะ แล้วทางบ้านคุณอาทำธุรกิจเกี่ยวกับลำไยอบแห้งส่งออก จึงมีโอกาสได้รู้จักกันค่ะ หลังจากนั้นก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ก็มีการคบหากัน คุยกันเรื่องแต่งงาน เรื่องลูก ซึ่งคุณเคนกับพลอยเป็นคนรักเด็ก แล้วก็อยากมีลูกหลายๆ คนอยู่แล้วค่ะ เราอยากให้ที่บ้านอบอุ่น มีเด็กเยอะๆ มีเสียงเด็กๆ ค่ะ ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ค่ะ มีน้องทั้งหมด 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน กำลังดีเลยค่ะ
Q : เล่าถึงความรู้สึกตอนตั้งครรภ์ ว่าเป็นอย่างไรบ้างค่ะ
คุณแม่พลอย : ตอนมีน้องคนแรกนะคะ ก็ตื่นเต้นมากๆ เป็นความรู้สึกใหม่ คือตอนนั้นไม่รู้อะไรเลยค่ะ ก็จะอ่านหนังสือเยอะมาก เตรียมตัวเยอะ โชคดีที่ตอนท้องน้องคนแรกไม่ได้แพ้ท้องอะไรมากนะคะ ส่วนเรื่องอาหารบำรุงก็จะกินพวกซุปไก่ ซุปรังนก จะบำรุงอย่างนี้ทุกวันค่ะ
หลังจากคลอดน้องคนแรก ก็มีน้องคนที่ 2 ติดๆ กันเลยค่ะ คนที่ 2 จะแพ้เยอะมากค่ะ ก็ได้ปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็อธิบายว่า การตั้งครรภ์เด็กผู้ชายกับผู้หญิง มันจะทำให้เราแพ้ท้องต่างกันค่ะ แล้วพอคลอดน้องคนที่ 2 ได้ไม่นาน ก็ท้องน้องคนที่ 3 ค่ะ แต่ตอนนั้นไม่รู้ตัวว่าท้อง เพราะว่าไม่แพ้ท้องเลยค่ะ ซึ่งพอเราไปอุลตร้าซาวน์ ก็เห็นน้องแบบเป็นหัวแล้วค่ะ เลยเร่งบำรุงใหญ่เลยค่ะ กินวิตามิน แคลเซียม ทุกอย่าง ปรากฎว่าพอคลอดออกมา น้องเลยตัวใหญ่ แข็งแรงที่สุดในบรรดาน้องทั้ง 4 คนค่ะ ส่วนคนที่ 4 ก็ตามมาอีก ก็บำรุงกันต่อเลยค่ะ ก็ตอนท้องน้องคนแรกก็จะค่อนข้างตื่นเต้นใช่มั้ยค่ะ ท้องคนที่ 1 กับ 2 จะแพ้มากกว่าคนที่ 3 กับ 4 เพราะเหมือนเราบอกตัวเองไว้ค่ะ ว่าอย่าแพ้ท้องนะ เพราะเราต้องดูแลคนที่ 1 กับ 2 ไปด้วยค่ะ มันเลยเหมือนไม่แพ้ท้องโดยอัตโนมัติอ่ะค่ะ
Q : มีวิธีการดูแลตัวเอง บำรุงครรภ์อย่างไรบ้างคะ
คุณแม่พลอย : ถ้าเป็นเรื่องอาหาร ก็จะบำรุงโดยการกินซุปไก่ ซุปรังนก ซึ่งทางคุณแม่ของสามีจะช่วยดูแล สรรหามาให้ แล้วก็จะมีความเชื่อแบบคนจีน อย่างเช่น ห้ามกินอาหารที่มีสีดำ ประมาณว่าเดี๋ยวน้องจะมีผิวคล้ำ ซึ่งก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่งนะคะ แล้วก็วิธีการบำรุง การดูแล ความเชื่อ ก็คล้ายๆ คนไทยค่ะ อย่างเช่นห้ามไปงานศพ ตรงนี้พลอยก็ไม่ได้ไปอยู่แล้วค่ะ
Q : ตอนนี้น้องๆ ทั้ง 4 คนอายุเท่าไหร่กันบ้างคะ
คุณแม่พลอย : ก็มี 4 คน เป็น ชาย 2 คน หญิง 2 คนนะคะ คนแรก ทาชิโน่ อายุ 6 ขวบ เป็นผู้ชาย คนที่ 2 ชิลี่ อายุ 4 ขวบกว่า เป็นผู้หญิง คนที่ 3 ชีต้าร์ 3 ขวบกว่า เป็นผู้ชาย และคนสุดท้องเป็นผู้หญิงนะคะ ชื่อชิลิน อายุ 1 ขวบกว่าๆ ค่ะ
Q : แนวคิดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกทั้ง 4 คน และการรับมือกับน้องๆ ในช่วงที่กำลังซน
คุณแม่พลอย : อย่างน้องคนแรก เราจะเลี้ยงดูแบบประคบประหงม จะค่อนข้างขี้กังวัลหน่อย คือไม่กล้าปล่อยให้คลาน ให้เดิน ให้เล่น เราจะเป็นห่วงไปหมดค่ะ พอมีคนที่ 2 เราก็กล้ามากขึ้น ก็ปล่อยให้เค้าเล่น คลาน เลี้ยงตามธรรมชาติเลยค่ะ ก็จะเห็นว่า พัฒนาการของคนที่ 1 กับคนที่ 2 ต่างกันมาก คนที่ 2 เนี่ยจะมีพัฒนาการที่ดีกว่ามากค่ะ เพราะกล้ามเนื้อเค้าได้ทำงาน ได้พัฒนาตามกลไลของร่างกายค่ะ ก็เลยพยายามบอกตัวเองว่า สบายๆ อย่าไปกังวล ไม่ต้องโอ๋มากค่ะ
พอน้องๆ เริ่มโตนะคะ ตอนนี้ก็ซนตามวัยเลยค่ะ เด็กๆ ก็มีทะเลาะกันบ้าง พลอยก็จะมองจากข้างนอกก่อนค่ะ ว่า 4 พี่น้องนี่เค้าจัดการกันอย่างไร ห้ามทัพกันได้มั้ย โอเคมั้ย ถ้าโอเคเราก็ไม่เข้าไปยุ่งค่ะ แต่ถ้าไม่โอเค พลอยก็จะเข้าไปสอน แล้วก็ปล่อยให้เค้าเล่นซนไปตามธรรมชาติเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยห้ามอะไรอยู่แล้วค่ะ
Q : วัฒนธรรม การเลี้ยงลูกระหว่างคุณพลอย (คนไทย) กับคุณเคน (คนฮ่องกง) ต่างกันหรือไม่คะ
คุณแม่พลอย : ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางเดียวกันค่ะ ถ้ามีเรื่องไหนที่เราคิดไม่ตรงกัน เราก็จะมาคุยกัน ว่าพลอยคิดแบบนี้นะ คุณเคนคิดแบบนี้ แล้วก็มาปรับจูนกันค่ะ ตอนนี้น้องๆ ก็จะได้ 2 ภาษาทั้งไทยและจีน แต่จะได้ไทยมากกว่า เพราะว่าอยู่เมืองไทยเป็นหลักค่ะ และได้ภาษาจีนจากคุณพ่อด้วยค่ะ คุณเคนก็นอกจากจะทำงานแล้ว ก็ช่วยดูแลเด็กๆ ด้วยค่ะ
อย่างเรื่องลูกชาย ลูกหญิง เมื่อก่อนคนจีนหรือกับคนไทยก็ตามอาจจะชอบที่จะมีลูกชายมากกว่า แต่ปัจจุบันก็ไม่ได้ขนาดนั้นค่ะ จะลูกชาย ลูกหญิงก็รักหมดค่ะ ส่วนเรื่องวัฒนธรรม ก็ผสมๆ กันไป ไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันค่ะ
เมื่อก่อน คนจีนก็จะชอบที่จะมีลูกหลายๆ คนด้วยใช่มั้ยคะ แต่ปัจจุบันก็จะไม่ได้เน้นที่จะมีลูกหลายๆ คนแล้ว ซึ่งรวมถึงคุณปู่คุณย่าของเด็กๆ ด้วยค่ะ ท่านก็ยังคิดว่าปัจจุบันไม่ต้องมีลูกเยอะก็ได้ค่ะ เพราะมันก็มีค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกัน แต่คุณเคนกับพลอยเป็นคนชอบเด็กอยู่แล้วค่ะ เราวางแผนที่จะมีลูกหลายๆ คน เพราะอยากให้ที่บ้านอบอุ่น ตอนนี้เด็กๆ ก็วิ่งเล่น ซนกัน เต็มบ้านเลยค่ะ แล้วตอนนี้เค้าจะติดพ่อแม่ ชอบเข้ามานัวเนีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ เราก็พยายามกอบโกยช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ค่ะ
Q : ระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ คนไหนดุกว่ากันคะ
คุณแม่พลอย : คุณพ่อดุกว่าค่ะ เด็กๆ จะกลัวคุณพ่อมากกว่า เพราะคุณพ่อเสียงดังด้วย กับคุณแม่จะไม่ค่อยดุ พลอยจะค่อนข้างใจเย็นมากๆ อ่ะค่ะ
Q : วางแผนอนาคตของเด็กๆ กันอย่างไรบ้างคะ
คุณแม่พลอย : ยังไม่ได้วางแผนไกลนะคะ ปัจจุบันให้เรียนโรงเรียนนานาชาติที่เชียงใหม่ ตอนนี้ก็เข้าเรียน 2 คนแล้ว คนที่ 3 กับ 4 ก็จะตามไปค่ะ อยากให้ได้ 3 ภาษา คือไทย จีน อังกฤษ แล้วก็มีเรียนเสริมทักษะด้านอื่นบ้าง เช่นว่ายน้ำ เปียโน ส่วนในอนาคตเรื่องจะให้ไปเรียนที่ฮ่องกงหรือไม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ แล้วเด็กๆ จะต้องกลับมารับช่วงกิจการของครอบครัวต่อ หรือจะเข้าวงการบันเทิง ตรงนี้ก็แล้วแต่เด็กๆ เลยค่ะ แล้วแต่ความชอบของเค้า พลอยก็พร้อมสนับสนุนค่ะ
Q : ปัจจุบันได้ดูแลธุรกิจลำไยอบแห้งหรือไม่คะ
คุณแม่พลอย : ตอนนี้นะคะ หลักๆ เลยก็ดูแลน้องๆ ทั้ง 4 คน ซึ่งก็กำลังซนตามวัยของเค้าค่ะ ตอนเช้าก็ไปส่งที่โรงเรียน ก็จะมีพี่เลี้ยงช่วยดูด้วยค่ะ เราก็จะคอยดูเรื่องอาหารการกิน เวลานอน ให้เป็นไปในทางที่เราวางไว้ ประมาณนี้ค่ะ แล้วก็มีช่วยงานที่บริษัทด้วย เป็นธุรกิจเกี่ยวกับลำไยอบแห้งค่ะ เพราะก็ต้องดูแลติดต่อกับทางฮ่องกง ทางจีนค่ะ
Q : ทริคในการเลี้ยงลูกตามแบบฉบับคุณพลอย ชิดจันทร์
คุณแม่พลอย : ก็ต้องใจเย็นกะเค้ามากๆ ค่ะ ใจเย็นในทุกๆ เรื่อง แล้วก็คิดบวกค่ะ เพราะมันต้องมีเรื่องที่เราไม่เข้าใจบ้างว่าทำไมเค้างอแง ทำไมร้องให้ค่ะ แล้วก็ปล่อยให้เค้าเล่น ให้เค้าเรียนรู้ตามพัฒนาการ ตามวัยของเค้าค่ะ
เรียกได้ว่า เป็นคุณแม่คนเก่งรอบด้านอีกคนนึง สำหรับคุณพลอย ชิดจันทร์ ซึ่งต้องทำหน้าที่คุณแม่ ดูแลลูกๆ และครอบครัว ก็ยังดูแลงานในบริษัทอีกด้วยค่ะ ทาง nico labo ก็ขอขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์ และรูปภาพครอบครัวจากคุณพลอยมากๆ นะคะ และขอบคุณสำหรับสถานที่ถ่ายรูป จากโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยงามมากๆ หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีแพลนจะไปเที่ยวเชียงใหม่อยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อสำรองห้องพักได้เลยที่ www.dharadhevi.com/