Recommended Restaurant & Top 5 !!!!!
FIFTY FIFTH THONGLOR มีอะไรดีๆมากกว่าที่คุณคิด! วันนี้เราเลยอยากจะไปพิสูจน์กันว่าจริงหรือไม่
จากเสียงเลื่องลือความอร่อยจากผู้ที่ชอบลิ้มลองอาหารว่าที่ฟิฟตี้ ฟิต ทองหล่อ จะมีร้านอาหารที่ยอดฮิตและรสชาติอร่อยมาก แล้วยังมีหลากหลายสัญชาติให้เลือก ก็จะมีตั้งแต่สัญชาติไทย อิตาเลี่ยน เกาหลี หรือญี่ปุ่น คือแบบว่าถ้าใครอยากลองอาหารใหม่ๆ ราคาน่าโดนก็เชิญไปที่นี้เลย เวลาเปิดให้บริการก็ตั้งแต่ 11.00 – 22.00 น. เดินทางสะดวกใกล้บีทีเอสสถานีทองหล่อ เดินต่อมาอีกนิดเดียว อยู่ซอยทองหล่อ 2 ก็จะเจอ Fifty Fifth Thonglor อยู่ติดริมถนนเลยจร้าาา
Seefah
เริ่มจากร้านอาหารสไตล์ไทย-จีน Seefah เมื่อเวลาเดินเข้าร้าน สีฟ้า ครั้งใดก็จะสามารถสัมผัสได้กับกลิ่นอายของสไตล์จีนโบราณ เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป สีฟ้าเองก็ไม่คิดที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ในด้านการตกแต่งและการดีไซน์ร้าน มีการปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับยุคสมัย และเอาใจกับชาวต่างชาติได้ดีด้วยรสชาติที่อร่อยและคุณภาพ
บรรยากาศภายนอกของร้าน
บรรยากาศภายในร้าน
เป็ดย่างสีฟ้า เป็ดย่างสไตล์กวางตุ้งแท้ๆ หนึ่งในเมนูต้นตำรับของสีฟ้า
เมนูแนะนำ : อิหมี่ เป็นบะหมี่ไข่ล้วน นำไปทอดกรอบแล้วอบพร้อมกับน้ำซุปในหม้อดิน น้ำซุปจะแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเส้นจึงทำให้เส้นชุ่มฉ่ำนุ่มเหนียวและมีความมันเคลือบอยู่ เคี้ยวเพลินมีกลิ่นหอม โรยหน้าด้วยแฮมและไก่ฉีก เสิร์ฟในหม้อดินที่เก็บความร้อนได้ดีและนาน มีซอสเปรี้ยวให้ปรุงเพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นตามใจชอบ
หมูสะเต๊ะ ด้วยเนื้อหมูกับน้ำจิ้ม ของทั้งร้านเป็นสูตรดั้งเดิมแล้วไม่เหมือนที่อื่นแน่นอน
Special Promotion สำหรับการฉลองครบรอบ 82 ปีของสีฟ้า ทางร้านก็มีกิจกรรมให้ลูกค้าได้ร่วมเล่น หากลูกค้าไปทานอาหารที่ร้านแล้วทานครบ500ขึ้นไปจะได้ฉลากแบบในรูป เพื่อร่วมชิงโชค หากลูกค้าจับได้เป็นราคาไหน ก็จะได้ทานเมนูอาหารที่มีราคาเพียงแค่ 8 บาท 18 บาท 28 บาท โปรโมชั่นนี้ ใช้ได้ถึงสิ้นปี 31.ธค.18
ติดต่อ Seefah
Tel: 02-390-2721 (สาขา fifty fifth thonglor)
Facebook : @SeefahFanPage
Beccofino
ถัดมาเป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนแท้ ที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน ด้วยรสชาติและคุณภาพดีทุกเมนู
ภายภายในร้านก็จะดูบรรยากาศอบอุ่นๆ จิ๊บไวน์นั่งคุยเพลินเลยทีเดียว
ทางร้านมีบริการเครื่องดื่มไวน์ด้วยนะ รสชาติมีให้เราเลือกได้หลากหลายมาก อยากได้รสชาติแบบไหนสามารถสอบถามพนักงานได้เลย
ทางร้านมีห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่อยากได้พื้นที่ส่วนตัว สามารถโทรไปสำรองพื้นที่ได้เลยค่ะ แต่ต้องโทรล่วงหน้าสัก 1-2 วัน
ส่วนเมนูอาหารจะมีให้เลือกทั้งแบบ A la carte และ Buffet มีราคาให้เลือกตั้งแต่450++ และ 580++ฟรีไวน์ 1 แก้ว (สำหรับบุฟเฟ่ต์จะมีให้บริการเฉพาะกลางวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น. เท่านั้น)
สำหรับใครสนใจมื้อดินเนอร์เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 – 22.30 น.
ช่วงเย็นๆในแต่ละวันจะมีเซฟแสดงการทำพิซซ่าสดใหม่ๆให้ลูกค้าได้ชมกัน ส่วนเรื่องตัวรสชาติไม่ต้องพูดถึงเลย อร่อยมาก แป้งหนานุ่มสไตล์อิตาลีแท้ๆเลย ไม่สั่งถือว่าพลาด
Beccofino มีสาขาเดียวที่ทองหล่อ หากได้ไปแล้วจะติดใจแน่นอน
ติดต่อ Beccofino
Tel: 02-714-7763
www.beccofino.com
Kiani
คิอานิ ร้านอาหารสไตล์เกาหลี ซึ่งเจ้าของก็เป็นคนเกาหลีแท้ๆ คิอานิมีชื่อเสียงสำหรับหมู่คนที่ชอบทานสไตล์เกาหลี บางครั้งในแต่วันมีคนต่อคิวยาว คิอานิมีสาขาเดียวเท่านั้น หากใครลองชิมต้องมาที่นี้เท่านั้น
บรรยากาศทางร้านก็ตกแต่งสไตล์อบอุ่นเหมือนอยู่เกาหลีจริงๆ
สเปเซียลทัคคาลบี้ (Special Dak Kal Bi) ทัคคาลบี้สุดพิเศษเสิร์ฟพร้อมซีสสสสยืด ราคา 590 บาท
อาหารทุกเมนูจะทำสดใหม่ทุกวัน รับรองได้เลยว่าคุณภาพยอดเยี่ยม เจ้าของใจดีชอบเพิ่มให้ลูกค้าด้วย
Bo Ssam (โบซัม) เมนููที่ยอดฮิตมากที่สุด ที่ต้องใช้เวลาในสั่งล่วงหน้า 2 ชม. เพราะทางร้านจะใช้เวลาในการทำหมูสามชั้นให้นุ่มละลายในปาก มีคอลลาเจน อร่อยมากคือเกาหลีแท้ๆ เสิร์ฟคู่กับกิมจิสดสูตรโฮมเมด
เมนูแนะนำสุดท้าย คือ ซุปกิมจิ ที่ใส่เส้นมาม่าเป็นเมนูที่กลมกล่อมมากด้วยตัวเครื่องของกิมจิ และ เส้นนุ่มๆ
ติดต่อ : Kiani
Tel: 02 -714 -7730
Facebook : @kianikorea
Taishoken Ramen
ต่อมาเราจะแนะนำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นกันบ้าง Taishoken Ramen ร้านอาหารที่ถูกขึ้นชื่อมานานเหมือนกัน ไม่ต้องไปให้ถึงญี่ปุ่นก็มีให้ลองชิมที่ไทยแล้ว ซึ่งย้ายร้านมาจาก Arena 10 ด้วยสไตล์ร้านและรสชาติอาหารก็ได้เอาใจลูกค้าไปตามๆกัน เหมือนได้ไปกินที่โตเกียวแท้ๆเลย อย่ารอช้าไปดูว่าทางร้านมีเมนูแนะนำบ้าง
ลูกค้าส่วนมากก็มีทั้งชาวญี่ปุ่น ชาวไทยบ้าง
มีหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อไว้เพื่อบริการลูกค้าได้ในระหว่างรอทานด้วย
เมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านก็จะเป็น ราเมงซุปกระดูกหมู ด้วยตัวเส้นพิเศษตรงความนุ่มลื่น น้ำซุปก็หอมหวานมันมาก พลาดไม่ได้กับเมนูนี้
ส่วนอีกเมนูนึงที่พลาดไม่ได้ก็ โชยุราเมงพิเศษ เมนูนี้เหมาะสำหรับใครชอบรสชาติกลมกล่อมของน้ำโชยุ ส่วนวัตถุดิบของทางร้านจะทำสดใหม่ทุกวัน ทำใหม่จานต่อจาน
ติดต่อ : Taishoken Ramen
Tel: 02 010 1557
ร้านสุดท้ายแล้วก็ยังเป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นชื่อว่า “โอซาก้า โอโช “ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อด้านการทำเกี๊ยวซ่า ซึ่งมีอายุมาตั้งแต่ 1969 และได้กลายมาเป็นร้านอาหารยอดนิยมสำหรับทานมื้อค่ำของชาวญี่ปุ่น แล้วอาหารจานหลักก็ได้รวมไว้ซึ่งรสชาติของอาหารญี่ปุ่นแบบสไตล์จีน
ณ ปัจจุบัน โอซาก้า โอโช มีมากกว่า 300 สาขาในญี่ปุ่น ,ฮ่องกง , เกาหลี , สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และตอนนี้มีสาขาแรกแล้วในประเทศไทย
บรรยากาศภายในร้าน มีที่นั่งสำหรับลูกค้าได้หลายที่
ยังมีโซนหน้าบาร์อีกด้วย
“ราชาของเกี๊ยวซ่าแห่งโอซากา” จุดเด่นคือ เป็นเกี๊ยวซ่าที่ปั้นสดๆด้วยมือ ด้วยไส้ของเกี๊ยวซ่าจะประกอบไปด้วย กะหล่ำปลี ,ขิง,กระเทียม,และหมูที่ต่างกันถึง 3 ชนิดแล้วห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวซ่าสูตรพิเศษ เกี๊ยวซ่ามีสีเหลืองทอง ด้านหนึ่งกรอบอีกด้านหนึ่งจะนุ่มส่วนไส้เกี๊ยวซ่าจะยังคงความชุ่มฉ่ำของส่วน ผสมต่างๆไว้อย่างลงตัวชวนให้น่าลิ้มลอง
*** Special Promotion Buy 1 Get 1 สำหรับซื้อเกี๊ยวซ่ากลับบ้าน เฉพาะวันอังคารเท่าน้ัน
ติดต่อ : Osaka Ohsho
Tel: 66-2381-0701
www.osakaohsho.co.th