งานของคุณประวุฒิคือ “นักบิน (Pilot)”
คุณประวุฒิ ปฐมหยก (ย้ง) เกิดในกรุงเทพฯเมื่อปี 1977 จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความหลงใหลและอยากทำงานในเครื่องบินมาตั้งแต่เด็กๆ จึงมาเป็นสจ๊วตของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ หลังจากนั้นก็ย้ายไปเป็นสจ๊วตของการบินไทยและระหว่างที่อยู่การบินไทยก็ได้ใบอนุญาตในการขับขี่เครื่องบิน ปัจจุบันเป็นนักบินของสายการบิน NewGen Airways คอยรับส่งผู้โดยสารจากประเทศจีนมายังประเทศไทย
ผู้ถาม : นิโกะ
นักบิน เป็นงานแบบไหนกันนะ
เด็กผู้ชายหลายๆ คนอาจจะะเคยมีสักครั้งที่อยากจะเป็นนักบินกันใช่มั้ยล่ะครับ มันคงจะเท่น่าดูถ้าเราได้ขับเครื่องบินลำใหญ่ๆ อยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วกว่าจะได้เป็นนักบิน จะต้องทำอย่างไรบ้างนะ วันนี้เราลองมาฟังเรื่องราวต่างๆ จากคุณย้ง นักบินที่คอยรับผู้โดยสารจากประเทศจีนมายังประเทศไทยกัน
สัมภาษณ์ เดือนมิถุนายน 2017
นิโกะ : สวัสดีครับคุณย้ง คุณย้งเป็นนักบินได้อย่างไรครับ ช่วยบอกหน่อยได้มั้ย
คุณย้ง : สวัสดีครับ ได้เลยครับ งั้นผมขออธิบายเกี่ยวกับสายการบินที่ผมทำก่อนแล้วกันนะครับ
นิโกะ : เป็นสายการบินเเบบไหนหรอครับ
คุณย้ง : สายการบินมีชื่อว่า NewGen Airways ครับ เป็นสายการบินใหม่ เพิ่งเปิดเมื่อปี 2013 ส่วนใหญ่ก็จะพานักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมายังประเทศไทยครับ ในอนาคตข้างหน้าทางสายการบินมีแพลนที่จะไปให้รอบประเทศอาเซี่ยนเลยครับ ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะโตไวมากครับ เพราะว่าตอนนี้คนจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
นิโกะ : อ๋อ ถ้าอย่างนั้นคุณย้งคงงานยุ่งมากเลยสินะครับ
คุณย้ง : ผมบินเดือนละประมาณ 11 ไฟลท์ คิดเป็นชั่วโมงก็ประมาน 80-100 ชั่วโมงครับ
นิโกะ : โอ้โห ใช้เวลาอยู่บนท้องฟ้านานเหมือนกันนะครับเนี่ย
คุณย้ง : ผมฝันอยากเป็นนักบินมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ตอนนี้ผมก็ได้ทำงานที่ผมชอบ ผมจึงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยครับ
นิโกะ : เป็นความฝันตั้งแต่เด็กเลยหรอครับ แล้วอยากเป็นนักบินตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
คุณย้ง : ถ้าจำไม่ผิด น่าจะช่วงประมาณประถมครับ ผมมองดูเครื่องบินที่ขับผ่านหน้าบ้านทุกเช้าเลยครับ ตอนนั้นผมยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำ 555 ผมเลยคิดขำๆ ว่าสักวันต้องขึ้นเครื่องบินให้ได้ แต่ผมคิดว่าสาเหตุหลักๆ น่าจะเป็นช่วงที่ผมอยู่มหาวิทยาลัยครับ อาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นอาจารย์ที่ดีมากคนนึง อาจารย์แนะนำผมว่า “ลองทำงานในสายการบิน เพื่อให้ฝันเรากลายเป็นจริงดูสิ”
นิโกะ : อาจารย์คอยเป็นแรงผลักดันให้เราสินะครับ
คุณย้ง : แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ผมเคยผ่านวัยเด็กที่ลำบากมาก่อนครับ
นิโกะ : หืม? เรื่องเป็นมายังไงครับ
คุณย้ง : ผมไม่ได้เกิดในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยอะไร ผมจึงคอยช่วยงานที่บ้านบ่อยๆ และผมได้เงินค่าขนมจากการขายขนมปัง แถวบ้านผมจะมีร้านเบเกอรี่ ผมก็จะไปรับขนมปังตอน 6 โมงเช้า แล้วข้ามแม่น้ำไปขายที่สนามหลวงครับ
นิโกะ : โห ลำบากน่าดูเลยนะครับ
คุณย้ง : หัวก็ไม่ค่อยดี แต่ผมอยากเข้าโรงเรียนมัธยมดังๆ ในจังหวัด แต่ผมจำคำครูที่โรงเรียนประถมได้ฝังใจเลยว่า “เธอน่ะไม่ต้องไปสอบหรอก สอบไปก็ไม่ผ่าน” ผมเคยโดนทำโทษเพราะลืมของโดยครูให้ถอดกางเกงแล้วยืนด้วยนะครับ 555
นิโกะ : แต่คุณก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ใช่มั้ยล่ะครับ
คุณย้ง : ครับ นี่ก็เป็นเพราะผมได้รู้จักกับคุณครูท่านหนึ่งครับ ด้วยความที่อยากเป็นนักบินผมจึงไปวัดอรุณตั้งแต่เด็กๆ เพื่อไปพูดคุยกับชาวต่างชาติเพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ แล้วช่วงประมาน ม.2 พี่ชายผมก็แนะนำครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ ผมก็เริ่มเรียนกับคุณครูท่านนี้ เป็นคุณครูที่เข้มงวดมากครับ ท่านพูดแทงใจดำผมว่า “เธอน่ะ เก่งไม่ได้ถึงตีนพี่ชายเธอหรอก ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือเรื่องอื่นๆ” 555
นิโกะ : อุ้ย เป็นครูที่น่ากลัวจังเลยครับ
คุณย้ง : แต่เพราะความเข้มงวดของครูที่คอยสอนผมทั้งภาษาอังกฤษและอื่นๆ อีกมากมาย และการที่โดนเปรียบเทียบกับพี่ชายมันทำให้เรารู้สึกเคืองและแค้นใจ แต่เราก็เอาตรงนั้นมากระตุ้นตัวเราได้ใช่มั้ยล่ะครับ ผลคือผมเป็นเด็กนักเรียนที่สอบเข้าจุฬาได้เป็นคนแรกในโรงเรียนครับ
นิโกะ : โอ้โห สุดยอดมากเลยครับ
คุณย้ง : พอมองย้อนกลับไป ท่านเป็นทั้งคนที่คอยสอน และคอยชี้แนะในเรื่องต่างๆ ให้ผมเยอะแยะมากมายเลยครับ มัันทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้เจอคุณครูที่ดีมากๆ คนนึงเลย
นิโกะ : อย่างนี้นี่เอง ความฝันที่ว่าจะเป็นนักบินจึงสำเร็จสินะครับ พอได้เข้าไปทำงานในสายการบินจริงๆ แล้วเป็นยังไงบ้างครับ
คุณย้ง : ตอนแรกผมยังไม่ได้เป็นนักบินครับ ผมเข้าไปเป็นสจ๊วตก่อน หน้าที่สจ๊วตก็คือ คอยบริการและดูแลต้อนรับผู้โดยสารบนเครื่องบิน ผมชอบงานบริการอยู่แล้วก็เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับผมครับ อีกทั้งเราได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย แล้วผมก็ชอบท่องเที่ยวด้วยมันเป็นความฝันอีกอย่างนึงของผม
นิโกะ : คือถ้าไม่เป็นสจ๊วตก่อน จะไม่ได้เป็นนักบินหรอตรับ
คุณย้ง : ไม่ใช่ครับ คนที่เข้าไปเป็นนักบินเลยก็มี แต่ว่ามันยากมากครับ คนส่วนใหญ่เลยเข้าไปทำอย่างอื่นที่เกี่ยวกับสายการบินก่อนแล้วค่อยหาทางเป็นนักบินครับ
นิโกะ : จะเป็นนักบิน ต้องทำอะไรบ้างครับ
คุณย้ง : ก่อนอื่นเราต้องได้ใบอนุญาตในการขับขี่เครื่องบินก่อนครับ เหมือนใบขับขี่รถยนต์แหละครับ คือคนขับรถแท็กซี่ก็ต้องขอใบอนุญาติขับรถแท็กซี่ใช่มั้ยล่ะครับ นักบินก็ต้องมีใบอนุญาตในการขับเครื่องบินเหมือนกันครับ แล้วเครื่องบินแต่ละชนิดก็จะมีใบอนุญาติที่ไม่เหมือนกัน เหมือนใบขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีแยกเป็นรถธรรมดา กับ บิ๊กไบค์
นิโกะ : อ๋อ เข้าใจแล้วครับ
คุณย้ง : ตอนที่ผมเป็นสจ๊วตอยู่การบินไทย ผมขอลางาน 1 ปี เพื่อไปเรียนขับเครื่องบินที่โรงเรียนสอนขับเครื่องบินครับ หลังจากที่ได้ใบอนุญาตก็กลับไปเป็นสจ๊วตต่อ ช่วงตอนที่ LCC ยังมีไม่เยอะ สายการบินที่เปิดรับสมัครนักบินจึงมีน้อยครับ ระหว่างที่รอโอกาสนั้นผมก็กลับไปเป็นสจ๊วตก่อนครับ ผ่านไป 2 ปี ผมก็สอบผ่านการเป็นนักบินในสายการบินจึงย้ายงานครับ
นิโกะ : ก้าวไปตามลำดับ เพื่อที่จะได้ก้าวไปถึงการเป็นนักบินสินะครับ
คุณย้ง : เคยได้ยินคำว่า LCC มั้ยครับ? ในไทยที่ดังๆ ก็จะมี Air Asia , Nok Air เป็นต้น LCC ย่อมาจากคำว่า Low Cost Career ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่าสายการบินใหญ่ๆ ทำให้ผู้โดยสารเดินทางได้สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น ตอนนี้สายการบินต่างๆ ก็มีราคาที่ถูกลงเพราะว่ามี LCC เพิ่มมากขึ้นบวกกับเครื่องบินก็มีมากขึ้นทำให้มีสายการบินเปิดรับสมัครนักบินเพิ่มมากขึ้นครับ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว อาชีพนักบินก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
นิโกะ : หรอครับ! เป็นโอกาสทองเลยสิครับเนี่ย
คุณย้ง : ใช่ครับ! เพราะฉะนั้นเด็กๆ ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักบิน อย่าเพิ่งท้อถอยนะครับ พยายามหาทางทำให้ฝันกลายเป็นจริงให้ได้นะครับ
คำพูดวิเศษของ “อาลาดิน” : เรามาฟังคำแนะนำจากอาลาดิน(คุณครูอันโด ริจิ) จากโรงเรียนกวดวิชา NOAH กัน
เพียงคนคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนอนาคตของเราได้ หรือที่เราเรียกกันว่า “พรหมลิขิต” ยกตัวอย่างเช่น การที่เราจะไล่ตามความฝันของเราเพียงลำพังมันก็จะมีขอบเขตุที่จำกัด แต่ถ้ามีใครสักคนมาช่วยเรา มาให้กำลังใจเรา เราก็คงเดินเข้าไปใกล้ความฝันได้มากขึ้น เราก็มีเเรงใจและรอยยิ้มเพิ่มขึ้น สิ่งดีๆ มักจะเกิดกับผู้ที่มีรอยยิ้มเสมอนะครับ (อันโด ริจิ)